
ขั้วโลกเหนือปติมากรรมความเย็นที่ไม่มีวันตาย
การสร้างศิลปะนั้นมีกันทุกยุคทุกสมัยและสามารถสร้างที่ไหนก็ได้แค่มีจินตนาการ ซึ่งในยุคสมัยนี้ก็ได้มีศิลปะเกิดขึ้นมากมายและมีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพต่างๆ ซึ่งบางภาพขายได้มูลค่าหลายร้อยล้านเลยทีเดียวเพราะการสร้างงานศิลปะนั้นต้องใช้แรงบันดาลใจในการสร้างงานสูง ซึ่งเทคนิคก็จะแตกต่างกันออกไปตามความถนัด ถึงไม่ใช่แค่การวาดภาพเท่านั้นที่สามารถสร้างงานศิลปะได้ ซึ่งการปั้นรูปปั้นหรือภาพฝาผนังก็เป็นงานศิลปะเช่นกันซึ่งความยากจะอยู่ที่ต้องร้างศิลปะที่สามารถมองเห็นได้รอบด้านนั่นเองที่จะเห็นได้ชัดในบ้านเราเลยก็คือการปั้นพระพุทธรูปต่างๆ ตามวัดซึ่งเป็นงานที่ละเอียดอ่อนต้องอาศัยความชำราญและใจเย็นของช่าง ซึ่งในขั้วโลกเหนือก็เช่นกันแต่จะแตกต่างตรงที่วัสดุที่นำมาใช้ ขึ้นชื่อว่าขั้วโลกเหนือคงมองไม่เห็นอะไรนอกจากน้ำแข็งและจำนวนมากที่อยู่รวมตัวกันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ เหนือมหาสมุทรสิ่งที่สามารถนำมาทำงานศิลปะได้คงหนีไม่พ้นน้ำแข็งเพราะสามารถคงตัวอยู่ในที่แบบนี้ได้นานซึ่งที่เราจะเป็นกันส่วนมากจะเป็นการสสร้างศิลปะเพื่อการอยู่อาศัยน้าน้ำแข็งมาตัดและต่อกันคล้ายๆ อิฐหรือไม่ก็เป็นการเกาะสลักน้ำแข็งขนาดใหญ่ให้เป็นรูปร่างที่ตัวเองต้องการ แต่งานศิลปะแนวนี้ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีการเคลื่อนย้ายเพราะถ้ามีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปอาจจะทำให้รูปร่างของงานศิลปะเปลี่ยนไปได้เพราะมันต้องการอุณหภูมิที่หนาวเย็นเพื่อคงสภาพนั่นเองจริงๆมีคนคิดที่จะนำเอาน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือเป็นร้อยๆ ตันมาเพื่อสร้างงานอันยิ่งใหญ่ที่ในขณะขนอยู่นั้นน้ำแข็งส่วนใหญ่ได้ละลายไปเสียก่อนจึงไม่สามารถทำได้ จึงทำให้งานศิลปะที่สร้างขึ้นในขั้วโลกเหนือมีมนเสนห์และดึงดูดให้ศิลปินทั่วโลกมาสร้างงานที่นี่ครับ